instil-hiv

ตรวจเอดส์ 14 วัน ผล ออกมาเป็นลบ มั่นใจได้หรือเปล่า

ไป ตรวจเอดส์ ที่ 14 วัน ผลมั่นใจได้หรือเปล่า ปัจจุบันนี้ การเข้ารับการตรวจหา เชื้อเอชไอวี หรือ เอดส์ เป็นเรื่องที่สำคัญ และจำเป็นอย่างมาก เพราะสมัยนี้ มีผู้คนจำนวนไม่น้อย ที่เสี่ยงต่อ การติดเชื้อเอชไอวี จึงจำเป็น ที่จะต้องเข้ารับการตรวจ เพื่อป้องกันกระแพร่กระจาย เชื้อไปสู่ผู้อื่น

เชื้อเอชไอวี (HIV) เป็นเชื้อไวรัสที่ เกิดขึ้นได้ จากการมีเพศสัมพันธ์ โดยไม่ป้องกัน หากได้รับเชื้อเข้าสู่ร่างกายแล้ว เชื้อจะเข้าไปทำลาย ระบบภูมิคุ้มกัน ภายในร่างกายจนบกพร่อง ทำให้ร่างกายของผู้ป่วยอ่อนแอ จนสามารถ เกิดโรคแทรกซ้อน ต่าง ๆ ได้ง่าย 

อย่างไรก็ตาม กว่าจะรู้ว่า ตนเองติดเชื้อ หรือไม่ จำเป็น ที่จะต้องอาศัย การตรวจหาเชื้อเพียงอย่างเดียว เพราะคนส่วนใหญ่ มักจะเข้าใจว่า หากร่างกายแข็งแรงอยู่ ก็แสดงว่าไม่ได้ติดเชื้อ นอกจากนี้ยังมี อีกหลายคน ที่ไม่คิดว่าตนเอง มีโอกาสเสี่ยง ต่อการติดเชื้อทั้งที่จริง ๆ แล้ว ก็เคย มีพฤติกรรมเสี่ยง ต่อการติดเชื้อ ดังนั้น การจะรู้ว่าตนเอง ติดเชื้อเอชไอวี หรือ เอดส์ หรือไม่ จำเป็นที่จะต้อง เข้ารับการตรวจ เพื่อวินิจฉัยเบื้องต้น

            การตรวจหาเชื้อเอชไอวี หรือเอดส์ หลัก ๆ จะมี 2 วิธีด้วยกัน คือ

 

 – การตรวจแบบ Anti-HIV (แอนติ-เอชไอวี) จะเป็นการ ตรวจหาภูมิคุ้มกันต่อเชื้อเอชไอวี โดยจะสามารถตรวจ พบเชื้อหลังได้รับความเสี่ยงมาแล้ว 2 สัปดาห์ขึ้นไป และวิธีนี้สามารถรู้ผลตรวจ ได้ภายใน 1-2 ชั่วโมง

 – การตรวจแบบ NAT (แนท) เป็นการ ตรวจหาสารพันธุกรรม ของเชื้อเอชไอวี และเป็นวิธีที่มีความไว ในการตรวจมากกว่าวิธีแรก โดยสามารถตรวจหาเชื้อหลังเสี่ยงมาแล้ว ประมาณ 7 วันขึ้นไป วิธีนี้จะใช้เวลาในการรอผลประมาณ 3 วัน แต่วิธีนี้แนะนำให้ทำการตรวจซ้ำอีกครั้งที่ 14 และ 21 วัน

นอกจากนี้ ตรวจเอดส์ 14 วัน ผล ที่ได้จะน่าเชื่อถือ มากแค่ไหน ก็ขึ้นอยู่กับวิธีตรวจที่เลือก หากเข้ารับการตรวจหาเชื้อด้วยวิธี Anti-HIV ก็ควรจะเสี่ยงมามากกว่า 21 วัน หรือวิธีการตรวจแบบ NAT ก็สามารถทำได้ หลังได้รับความเสี่ยงมาแล้ว 7 วัน และการตรวจหา เชื้อเอชไอวี แบบตรวจหาสองอย่างในชุดตรวจเดียวกัน ทั้งแอนติบอดีที่มีต่อเอชไอวี และแอนติเจน ของเชื้อเอชไอวี ควรมีความเสี่ยงมาแล้ว 14 วัน ผลที่ได้ออกมาเป็นลบ ก็สามารถเชื่อถือได้ว่า ไม่มีการติดเชื้อ

แต่หากใครที่ยังมีความกังวลใจ ก็สามารถตรวจซ้ำอีกครั้งได้อีกทีที่ 3 เดือน อย่างไรก็ตาม ปัจจุบันมีประชากรจำนวนไม่น้อยที่ติดเชื้อเอชไอวีไม่รู้ตัว ดังนั้น หากผู้ที่กำลังมีความเสี่ยงสามารถเข้ารับ การตรวจได้ตามโรงพยาบาลรัฐ โรงพยาบาลเอกชน หรือคลินิกนิรนาม เพื่อวินิจฉัยเบื้องต้น หรือหากใครที่ไม่กล้าเดินทาง ไปตรวจตามสถานพยาบาล

ปัจจุบัน ทางคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) ได้เห็นถึงความสำคัญ ของการติดเชื้อเอชไอวี จึงได้ทำการปลดล็อคให้ ชุดตรวจเอชไอวี ด้วยตนเองวางจำหน่าย ตามร้านขายยา เพื่อเป็นทางออกให้ประชาชนทั่วไป สามารถเข้าถึงได้ง่าย และเพื่อลด โอกาสในการแพร่เชื้อเอชไอวีไปสู่อื่น 

ทั้งนี้ หากผู้ที่ต้องการใช้ชุดตรวจเอชไอวี ด้วยตนเองควรดูให้มั่นใจว่า ชุดตรวจมีความน่าเชื่อถือมากน้อย แค่ไหน มีความปลอดภัย แม่นยำ และได้มาตรฐาน มากแค่ไหน เพื่อความปลอดภัย ต่อตนเอง  

การมี ชุดตรวจHIV ด้วยตนเอง วางจำหน่าย นับว่าเป็นเรื่องที่ดี ที่จะช่วยให้ผู้ที่มี ความเสี่ยงได้ ทำการตรวจคัดกรองเบื้องต้นด้วยเอง เพราะหากตรวจ พบเชื้อตั้งแต่เนิ่น ๆ ก็มีโอกาสในการรักษา เชื้อเอชไอวีให้หายได้ และเพื่อป้องกัน ไม่ให้เชื้อเอชไอวี ลุกลามไปสู่ระยะ ที่ทำการรักษายาก นั่นก็คือ ระยะเอดส์