instil-hiv

อาการเอดส์ ในแต่ละระยะเป็นอย่างไร

อาการเอดส์

อาการเอดส์ เป็นอย่างไร ในผู้ที่มีความเสี่ยงได้รับเชื้อเอชไอวีหากไม่ตรวจให้ทราบผลว่าติดเชื้อจริงหรือไม่ หากเลือดของท่านมีสถานะบวกจริง ถึงแม้จะอยู่ได้นานหลายปี แต่ไม่นานจะเข้าสู่ภาวะเอดส์

โรคเอดส์ (AIDS) เป็นระยะสุดท้ายของการติดเชื้อเอชไอวี ในระยะนี้เชื้อได้เข้าไปทำลายเซลล์เม็ดเลือดขาว ทำให้มีภูมิคุ้มกันที่บกพร่องจนไม่สามารถกำจัด หรือต่อสู้กับเชื้อที่เข้าไปสู่ร่างกายได้

จึงทำให้ผู้ป่วยที่ติดเชื้อมีสภาพร่างกายที่อ่อนแอ เกิดอาการป่วยต่าง ๆ ได้ง่าย และอาจนำไปสู่การเสียชีวิตลงได้

วิธีรักษาผู้ป่วยเอชไอวีหรือเอดส์ให้หายขาดในปัจจุบันยังไม่มีวิธีการใดที่สามาถทำได้ มีเพียงแต่ยาที่ช่วยในการชะลอการพัฒนาโรคและลดอัตราการเสียชีวิตลงด้วยโรคเอดส์เท่านั้น

ดังนั้น การตรวจหาเชื้อ เมื่อมีความเสี่ยง จะให้ผู้ป่วยรู้ตัวเร็ว และเข้ารับการรักษาตั้งแต่เริ่มแรก อาจช่วยให้เชื้อเอชไอวีไม่ลุกลามไปสู่ระยะเอดส์ได้

ในรายที่รู้ตัวเร็ว และเข้ารักษาตัวอย่างสม่ำเสมอมาอย่างยาวนาน อาจจะมีการตรวจเลือด และผลที่ได้ คือ ตรวจไม่เจอ แสดงว่า ผลของการรักษาทานยานั้น ส่งผลให้ปริมาณของเชื้อที่เหลืออยู่ในร่างกายลดน้อยลง จนต่ำกว่าความสามารถที่เครื่องตรวจจะตรวจพบ แต่ไม่ได้หมายความว่าผู้ป่วยหายขาดแล้ว

โรคเอดส์ เป็นภาวะป่วยขั้นสุดท้ายของการติดเชื้อเอชไอวี จะสามารถแบ่งออกเป็น 3 ระยะด้วยกัน คือ

– ระยะเริ่มแรก ในระยะนี้ถึงแม้อาการของผู้ป่วยจะปรากฏออกมาให้เห็นไม่มากนัก แต่ก็เป็นระยะที่เชื้อทำการแพร่กระจายลุกลามไปตามส่วนต่าง ๆ ของร่างกายมากกว่าระยะอื่น ๆ

ซึ่งผู้ป่วยส่วนใหญ่จะมีอาการคล้ายกับเป็นไข้หวัดใหญ่ เช่น มีไข้ ปวดหัว ปวดเมื่อยตามกล้ามเนื้อ มีผื่นขึ้น ต่อมน้ำเหลืองโต เป็นต้น อาการจะเริ่มแสดงออกมาให้เห็นภายใน 1-2 เดือนหลังการติดเชื้อ

– ระยะอาการสงบ ในระยะนี้ แทบจะไม่มี อาการแสดงให้เห็นได้เด่นชัด แต่เชื้อเอชไอวี ก็ยังคงอยู่ ในร่างกาย และทำลายระบบภูมิคุ้มกัน อย่างต่อเนื่อง

การติดเชื้อ ในระยะนี้ จะเกิดขึ้น เป็นระยะเวลา 10 ปี หรือนานกว่านั้นหากได้รับยาต้านได้ทันเวลา หากผู้ที่ไม่ได้เข้ารับการรักษา

อาจเกิดการเจ็บป่วยรุนแรงได้เร็วขึ้น โดยอาการเรื้อรังที่เกิดขึ้นอาจเป็นสัญญาณเตือนของการติดเชื้อที่ได้พัฒนาไปสู่ระยะเอดส์ในระดับอ่อน ๆ ได้

– ระยะเอดส์ ในระยะนี้ เป็นระยะสุดท้าย ของการ ติดเชื้อเอชไอวี หากผู้ป่วย ที่ไม่ได้ เข้ารับการรักษา การติดเชื้อ จะพัฒนา ไปสู่ ระยะเอดส์ภายในเวลาประมาณ 10 ปี อาการเอดส์ จึงเริ่มต้น

เมื่อเข้าสู่ ระยะเอดส์แล้ว ระบบภูมิคุ้มกัน จะถูกทำลาย จนเสียหาย อย่างหนัก จนไม่สามารถ ต้านต่อเชื้ออื่น ๆ ได้ ทำให้ ผู้ป่วยติดเชื้อ เกิดการ เจ็บป่วยและเกิด โรคแทรกซ้อนต่าง ๆ ได้ง่าย จนเสี่ยง ต่อการ เสียชีวิตลงได้

อย่างไรก็ตาม หากผู้ที่คิดว่าตนเองกำลังมีความเสี่ยงต่อการติดเชื้อ การเข้ารับการตรวจ อาจจะช่วยให้คุณนั้นคลายความกังวลใจได้

ซึ่งในปัจจุบันนี้ ก็ได้มี ชุดตรวจเอชไอวีด้วยตนเอง ที่สามารถ ทำการตรวจ ได้เองที่บ้าน มีความ ปลอดภัย แม่นยำ และได้มาตรฐาน รู้ผลตรวจ ได้ภายเวลาเพียง 15-20 นาที

การใช้ ชุดตรวจด้วยตนเอง ผู้ป่วย จะต้อง อ่านทำความเข้าใจ รายละเอียด เกี่ยวกับ การใช้ชุดตรวจ เช่น ข้อควรระวัง วิธีการใช้งาน วิธีการอ่านผล หรือแม้แต่ วิธี การเก็บรักษา ให้ละเอียด และเข้าใจ มากที่สุด เพื่อให้ สามารถ ทำการ ทดสอบได้ถูกต้อง

การตรวจ หาเชื้อเอชไอวี นอกจาก จะทำ ให้คลายความกังวลใจแล้ว ยัง ทำให้ เรารับรู้ ถึงสถานะ เลือดของตนเอง ด้วย ไม่ว่าจะเป็น ลบหรือบวก

หากตรวจพบเชื้อเอชไอวีตั้งแต่เนิ่น ๆ ก็จะทำให้คุณนั้นสามารถเข้ารับการรักษาและรับยาต้านได้อย่างถูกต้องและเหมาะสม

ทั้งนี้ การใช้ ชุดตรวจเอชไอวี ด้วยตนเอง เป็นเพียง การตรวจ เพื่อคัดกรอง เบื้องต้นเท่านั้น หากผลตรวจ ที่ได้ออกมา เป็นบวก หรือลบ ก็ให้ ทำการตรวจอีกครั้ง เพื่อยืนยัน ผลตรวจ ที่แน่ชัดกว่านั้น หรือ ควรเข้ารับการตรวจทุก ๆ 3 เดือน